กล้องวงจรปิดของเทศบาลเมืองต้นเปา ที่ตั้งอยู่บริเวณถนนสายบ่อสร้าง ตำบลต้นเปา อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่บันทึกภาพคนร้ายเป็นหญิงสาวผมบ๊อบสองคน โดยคนแรกสวมเสื้อแจ็คเก็ตสีดำ สวมกางเกงขายาว อีกคนสวมเสื้อกันหนาวสีชมพู กางเกงขาสั้นเดินมาตามถนนบ่อสร้าง-ดอยสะเก็ดก่อนที่หญิงสาวทั้งสองคน จะปีนกำแพง วัดบ่อสร้าง เพื่อเข้ามาภายในวัดหลังจากนั้นสาวผมบ๊อบสองคนได้เดินไปที่บริเวณภายในวันก่อนที่หญิงสาวสวมเสื้อกันหนาวสีชมพูจะไปยกตู้บริจาคหน้าพระประธาน โดยมีหญิงเสื้อแขนยาวสีดำค่อยดูลาดเลา เมื่อสบโอกาส จึงยกตู้บริจาควิ่งมายังศาลาพระเจ้าทันใจตู้ไปวางไว้ด้านหลังศาลาก่อนที่จะย้อนกลับมายกตู้บริจาคอีกตู้ ซึ่งตั้งอยู่บริเวณในศาลาก่อนนำไปงัดเอาเงินในตู้บริจาคทิ้งเพียงเหรียญสลึงไว้ 4 เหรียญไว้ให้ทางวัดได้ดูต่างหน้าก่อนจะ หลบหนีไป เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 19 กันยายนเวลาประมาณ 01.17 น.
ภายหลังเกิดเหตุ นาย นรากร คำโพธิ์ อายุ 66 ปีซึ่งเป็น มัคนายกของวัดบ่อสร้างได้พาผู้สื่อข่าวไปดูที่เกิดเหตุและตู้บริจาคไม้ที่ถูกทุบจากด้านล่างและงัดแม่กุญแจออกสภาพยับเยิน โดยนายนรากร บอกว่า ที่ผ่านมา ทางวัดก็เคยเกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้หลายครั้ง ก็ได้มีการล้อมรั้วปิดประตูแน่นหนา และติดกล้องวงจรปิด รวมไปถึงทำตู้บริจาคตามจุดต่างๆ ของวัด ให้ด้านหน้าเป็นไม้ไม่เป็นกระจกเหมือนวัดทั่วไป เพราะเกรงว่าจะมีคนเห็นเงินในตู้บริจาคแล้วเป็นสิ่งยั่วยวนให้ลงมือก่อเหตุ แต่ก็ไม่วายครั้งนี้มีคนร้ายเป็นเยาวชนหญิงสองคนมาก่อเหตุซ้ำอีก
ล่าสุดเช้าวันนี้ นายสุนทร วงค์เลย อายุ 46 ปีผู้ใหญ่บ้านบ่อสร้างหมู่ 3 เดินทางเข้าไปแจ้งความกับตำรวจ สภ.สันกำแพงโดยนายสุนทรได้เปิดเผยว่าหลังได้รับแจ้งจากทางมัคนายกวัดว่ามีคนร้ายเข้ามาขโมยตู้บริจาคของวัด ได้เงินไปหลายพันบาทตนเองจึงได้นำหลักฐานเป็นภาพจากวงจรปิดเข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.สันกำแพง
จากการพูดคุยกับตำรวจพบว่าเยาวชนที่เป็นเด็กหญิงสาว 2 คนนี้เคยก่อเหตุลักษณะเดียวกันในวัดต่างๆของพื้นที่สันกำแพงมาประมาณ 2-3 วัด ซึ่งตนมองว่าเหตุการณ์เช่นนี้ ไม่น่าจะเกิดขึ้นเพราะว่าตู้บริจาคของวัดนั้น ก็เป็นเงินที่ประชาชนมาบริจาคทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา แต่หญิงสาวทั้งสองคนกลับมาก่อเหตุลักทรัพย์ ซึ่งตั้งแต่วัดนี้ก่อสร้างมาร้อยกว่าปี ก็เกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ 4-5 ครั้ง แต่ครั้งนี้นั้นถือว่าเป็นครั้งแรกที่พบว่าผู้ก่อเหตุเป็นหญิงสาว และยังเป็นเยาวชน ซึ่งก่อเหตุอุกอาจเป็นกำแพงรั้วเข้ามาขโมยเงินบริจาคภายในวัด
อย่างไรก็ตาม ถ้าหากว่าผู้ก่อเหตุได้เห็นข่าวนี้แล้ว ก็ขอให้คิดทบทวนใหม่อย่าไปก่อเหตุลักษณะนี้กับวัดอื่นๆ อีก และฝากไปยังผู้ปกครองให้ดูแลบุตรหลานให้ดี เพราะหาทางตำรวจจับกุมตัวได้ ซึ่งเป็นเยาวชนก็จะไม่มีความผิดแต่ทางตำรวจก็จะดำเนินคดีกับผู้ปกครองแทน
