วันที่ 1 ธันวาคม 2565 นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีต เดินทางเข้าพบ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เพื่อยื่นพยานหลักฐานเพิ่มเติมเกี่ยวกับเส้นทางการเงินของกลุ่มทุนจีนสีเทา
ชูวิทย์ ให้สัมภาษณ์ว่า คิดว่ากรณีที่มีการตั้งข้อครหาถึงการยื่นหลักฐานเกี่ยวกับทุนจีนสีเทาของนั้น ในฐานะคนเปิดเผยข้อมูล หากตั้งข้อกังขาว่าทำไมมีข้อมูลเยอะ ส่วนวันนี้ มายื่นเอกสารถึง รอง ผบ.ตร. อีกครั้ง เพราะเกิดความเคลือบแคลง แต่ไม่ใช่การสืบสวนของตำรวจ ด้านตำรวจทำหน้าที่ได้เต็มที่ โดยกระบวนการยาเสพติดเกี่ยวพันไปถึง ปปส. ปปง. และหน่วยราชการอื่นๆ ด้วย จึงมีความล่าช้าในการตรวจพยานหลักฐาน สำหรับข้อมูลชุดนี้เป็นข้อมูลสำคัญที่สุด โดยเป็นเรื่องเส้นทางการเงินแบบชัดเจน 100%
ทั้งนี้ มองว่าการที่พลเมืองดีเอาข้อมูลต่างๆ มาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ถูกตั้งข้อสังเกตนั้น มองว่าอย่ามีพลเมืองดีเลย ให้ต่างคนต่างอยู่ พร้อมถามกลับคนที่ตั้งคำถามว่า อยากให้ทำแบบนั้นใช่หรือไม่ หากเป็นสังคมตะวันตก เมื่อพบคนผิดทุกคนช่วยกัน แต่สังคมไทยมีแต่คนบอกสู้ๆ ให้ระวังตัว อยากถามกลับว่าให้สู้กับใคร และต้องระวังเรื่องอะไร ส่วนสำหรับข้อมูลชุดดังกล่าวที่นำมายื่น เนื่องจากเห็นว่ามีการขาดตกบกพร่องไปบ้าง แต่การขยายผลของตำรวจทำได้อย่างดีและครอบคลุมแล้ว
นอกจากนี้ เชื่อว่านายตู้ห่าวยังถือสัญชาติจีนอยู่ โดยอยากให้สอบถามไปยังสถานทูตจีน ว่านายตู้ห่าวยังใช้พาสปอร์ตจีนในการเดินทางหรือไม่ เนื่องจากกฎหมายจีนไม่สามารถถือ 2 สัญชาติได้ ถ้าพาสปอร์ตไทยยังถืออยู่ พาสปอร์ตไทยต้องถูกยกเลิก และส่งตัวกลับไปยังประเทศจีน
