วันที่ 8 ธันวาคม 2565 นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เดินทางมายังสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด หรือ ป.ป.ส. เพื่อพบกับ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เพื่อรับมอบเหรียญ "ยุติธรรมธํารง" พร้อมกับยื่นข้อมูลผับจินหลิงเพิ่มเติม
นายชูวิทย์ กล่าวว่า สิ่งต่างๆ ที่ตนเองทําไปนั้นไม่ได้ต้องการให้ใครมาสรรเสริญหรือยกย่องว่าตนเป็นพลเมืองดี แต่อยากให้เรียกว่าพลเมืองก็พอ เพราะตนเองก็เคยเลวมาก่อน ซึ่งตอนแรกที่ทราบว่าทาง นายสมศักดิ์ จะเชิญมามอบเหรียญนั้น ตนเองได้ตอบปัดไปแล้วแต่ทาง รมว.ยธ. ยืนยันที่จะมอบ ตนจึงเดินทางมาในวันนี้พร้อมกับนําข้อมูลผับจินหลิงมาให้ท่านตรวจสอบเพิ่มด้วย
โดยนายชูวิทย์ กล่าวเพิ่มว่า อยากเตือนให้สังคมระมัดระวังเรื่องของยาเสพติดเพราะกลุ่มคนที่ก้าวกระโดดขึ้นมาแบบผิดปกตินั้น สามารถเห็นได้ชัดว่าทําธุรกิจผิดกฎหมายแน่นอนไม่ว่าจะ ขับรถหรู ซื้อบ้านราคาแพง ใช้เงินฟุ่มเฟือย ซึ่งเราไม่ได้มองหาคนดีที่ทําธุรกิจถูกกฎหมายแต่เรากําลังมองหาคนที่ไม่ได้ใช้บันไดขึ้นแต่ใช้ลิฟท์ขึ้น ดังนั้นหากขบวนการยาเสพติดเหล่านี้ยังคงอยู่จะส่งผลเสียต่อประเทศชาติเป็นอย่างมาก พร้อมยืนยันว่าข้อมูลที่ตนเองมีสามารถเชื่อมโยงไปหาได้อีกหลายคน ส่วนเรื่องเงินส่วนแบ่งจากการยึดอายัดทรัพย์สินจํานวน 5% นั้น จะนําเงินที่ได้ทั้งหมดไปบริจาคให้กับโรงพยาบาลที่ขาดแคลนจะไม่ใช้เองแม้แต่บาทเดียว เพราะตนเองมีเงินพอกินพอใช้อยู่แล้ว

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ทางกระทรวงยุติธรรมพิจารณาแล้วเห็นชอบควรมอบเหรียญ "ยุติธรรมธํารง" ให้แก่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เนื่องจากถือว่าเป็นบุคคลดี ทําคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติ ถึงแม้จะเคยต้องโทษแต่ตนเองได้ไต่ตรองและปรึกษาทุกคนในกระทรวงฯแล้วว่าสามารถมอบได้เป็นกรณีพิเศษ เพราะการออกมาให้ข้อมูลและเบาะแสในคดียาเสพติดนั้น น้อยคนจะกล้าออกมาเนื่องจากกลัวอิทธิพล
ทั้งนี้ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ได้ทําหนังสือเชิญ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เข้ามาเป็นที่ปรึกษาเลขาสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด เพื่อที่จะได้ช่วยกันปราบปรามยาเสพติดให้สิ้น พร้อมจัดทีมคุมครองพยานทั้งตัวนายชูวิทย์เองและแหล่งข่าวของนายชูวิทย์ด้วย ซึ่งทางนายชูวิทย์ก็ยินดีรับไปพิจารณาพร้อมขอบคุณสําหรับเหรียญยุติธรรมธํารงที่มอบให้ สิ่งนี้มีค่ามากกว่าเงินรางวัล 5 เปอร์เซนต์เสียอีก