จากกรณีเหตุการณ์เพลิงไหม้ผับดังเมืองสัตหีบ “เมาท์เทนบี” ริมถนนสายสุขุมวิท บางนา-ตราด ม.7 ต.พลูตาหลวง อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ขณะที่มีนักท่องเที่ยวราตรีกำลังใช้บริการ 100 กว่าชีวิต โดยต้นเพลิงเริ่มไหม้บริเวณหลังคา ก่อนจะลุกลามอย่างรวดเร็วไปทั่วบริเวณ เนื่องจากตัวหลังคามีการฉีดพ่นโฟม สำหรับซับเสียง ซึ่งเป็นวัตถุติดไฟได้ง่าย ประกอบกับช่องระบายอากาศและทางออกด้านหน้าเปิดอยู่เพียงประตูเดียว ด้วยมีการคัดกรองนักเที่ยวตามมาตรการโควิด-19 ส่งผลให้นักท่องเที่ยวไม่สามารถออกมาได้ทัน อีกทั้งยังมีกลุ่มควันไฟอย่างรุน แรง เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 13 ราย บาดเจ็บ 36 ราย
ล่าสุดวันนี้ (5 ส.ค.2565) นายนริศ นิรามัยวงศ์ รอง ผวจ.ชลบุรี พร้อมคณะเดินทางมาตรวจสอบที่เกิดเหตุ โดยสั่งการให้เจ้าหน้าที่ควบตุมและเฝ้าระวังอย่างรัดกุม เนื่องจากหวั่นอันตรายที่อาจเกิดขึ้น จากนั้น จึงเดินทางไปรับฟังและประชุมเพื่อบรรยายสรุปถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนเปิดเผยว่าเหตุที่เกิดขึ้นถือเป็นความสูญเสียอย่างมาก ดังนั้นเพื่อประโยชน์ของทางราชการ ทางอธิบดีกรมการปกครอง ได้ออกหนังสือโดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 32 แห่งพระราชบัญญัติ ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา 12 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบ บริหารราชการแผ่นดิน (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2545 จึงให้ ว่าที่พันตรี ชาติชาย ศรีโพธิ์อ่อน ตำแหน่ง นายอำเภอ (ผู้อำนวยการสูง) อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ช่วยราชการที่กรมการปกครอง โดยมอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที่ ที่วิทยาลัยการปกครองเป็นการประจํา
ส่วนการช่วยเหลือตามกฎของกระทรวง จะมีงบช่วยเหลือเบื้องต้น ผู้บาดเจ็บรายละ 4,000 บาท บาดเจ็บจนพิการรายละ 13,300 บาท และ ผู้เสียชีวิตจะได้รายละ 29,700 บาท แต่หากผู้เสียชีวิตเป็นผู้นำครอบครัว จะได้คูณ 2 จากตัวเลข 29,700 บาท นอกจากนี้ ยังมีงบของอำเภอ และ เทศบาลในพื้นที่ ในการเยียวยาในครั้งนี้ด้วย
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า นายสิทธิชัย ช่างทอง อายุ 36 ปี ดีเจของร้านเมาท์เทนบีช ซึ่งอยู่ในที่เกิดเหตุ เล่าเหตุการณ์นาทีระทึก ถึงก่อนเกิดเหตุ ที่ช่วงนั้นเป็นช่วงพักเบรค ซึ่งปกติจะเข้าห้องน้ำด้านใน แต่ในช่วงก่อนเกิดเหตุ ไม่รู้อะไรดลใจ ให้เข้าห้องน้ำด้านนอก กระทั่ง เสร็จธุระเสร็จ จึงกลับเข้ามานั่งคอยขึ้นทำงานที่โต๊ะหน้าร้าน แล้วทันใดนั้น ทันใดนั้น มีการ์ดของร้านวิ่งออกมาก่อนตะโกนบอกว่าให้รีบหนีออกด้านนอก จนมีเสียงระเบิดจากภายในดังขึ้น จึงได้วิ่งตามออกมา
ขอบคุณภาพข่าวเพจเฟซบุ๊ก : สยามชลนิวส์