16 กุมภาพันธ์ 2568

ทำความรู้จัก "แม็ค-ชณทัต ปัทะมะภูวดล" คนรุ่นใหม่ไฟแรง ขออาสาพัฒนากรุงเก่า

image

อากาศที่ว่าร้อนในขณะนี้ ยังสู้อุณหภูมิในสมรภูมิการเมืองไม่ได้ เพราะวันเลือกตั้ง 2566 กำลังจะใกล้เข้ามาถึงทุกขณะ พรรคการเมืองต่างวางตัวผู้สมัคร เร่งเดินเครื่องหาเสียง ซึ่งการเลือกตั้งครั้งนี้มีผู้สมัครหน้าใหม่ เป็นคนรุ่นใหม่อาสามารับใช้ประชาชนจำนวนไม่น้อย

แต่ที่น่าจับตาที่สุดคือ ชณทัต ปัทะมะภูวดล (แม็ค) ผู้สมัครเขต 3 พื้นที่อำเภอวังน้อย อำเภออุทัย และอำเภอภาชี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

สำหรับ ชณทัต ปัทะมะภูวดล (แม็ค) แม้ว่าจะเป็นคนรุ่นใหม่ก็จริง แต่ในเวทีการเมือง ไม่ว่าจะเป็นการเมืองท้องถิ่นหรือการเมืองระดับชาติ คุ้นเคยกับชื่อเสียงเขาเป็นอย่างดี เนื่องจาก เป็นคนหนุ่มรุ่นใหม่ ที่มีดีกรีไม่ธรรมดา ไม่ว่าจะเป็นความรู้ความสามารถ อดีตก่อนที่จะลงสนามสู้ศึกเลือกตั้ง ดำรงตำแหน่งเป็นผู้ชำนาญการ ประจำตัว รองนายกรัฐมนตรีที่ดูแลเกี่ยวข้องกับสาธารณสุขนั่นเอง

ไม่เพียงเท่านั้น สายเศรษฐกิจ ทุกคนย่อมจดจำชื่อได้แม่นยำถึงผลงานหลายอย่างระหว่างประเทศ เพราะ ชณทัต คือ เลขานุการ หอการค้าไทย-มัลดีฟส์ ดูแลงาน บริหารงานระหว่างประเทศไม่ว่าจะเป็น การท่องเที่ยว การค้าพาณิชย์ และความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศเพราะผักดันสินค้าไทยหลายอย่าง ส่งออกไปต่างประเทศ จึงมีชื่อเสียงในด้านของการค้าเป็นอย่างมาก

นอกจากนี้ยังเป็นอุปะนายกสมาคมกีฬาแห่งจังหวัดเชียงใหม่ และสายลูกหนัง ย่อมจำชื่อได้แม่นยำเนื่องจาก เขาคือ ประธานสโมสร อโยธยายูไนเต็ด อะคาเดมี เป็นหัวเรือพาเยาวชนห่างไกลอบายมุขและยาเสพติด จนเป็นนักเตะรุ่นใหม่ ขัดเกลาฝีเท้าเพื่อลงเล่นในฐานะนักกีฬาอาชีพ ผลงานที่โด่งดัง พาเด็กเยาวชน จังหวัด อยุธยา ไปเตะกับ ทีมชาติเยาวชนกรุงเทพ ที่สนาม ไทยญี่ปุ่นดินแดง เป็นที่โด่งดัง ในแนวคิดเอาเด็กเยาวชนลูกชาวไร่ชาวนา กรุงเก่าสู่กรุงใหม่ เพื่อสร้างการเรียนรู้ และพาไปทัศนศึกษากรุงเทพ ทั้งที่ไม่ได้รับการสนับสนุนจากจังหวัดอยุธยา แต่ทำได้สำเร็จ

ไม่เพียงเท่านั้น ในสายวงการสีกากี ย่อมจำชื่อ แม็ค ชณทัต ได้ จาก บทบาท กต.ตร.สน.มีนบุรี นั่นเอง นี่เป็นเพียงตัวอย่าง “ผลงานการทำงานด้านบริหาร” ของ ชายที่อายุไม่ถึง 39 ปี แต่ผ่านงานบริหารระดับประเทศ มาจนถึงระดับพื้นที่ได้อย่างน่าสนใจ

แม็ค - ชณทัต บอกว่า งานบริหารและงานการเมืองมีความคล้ายคลึงกัน คือ เป็นสิ่งที่ต้องมองภาพให้กว้างในหลายมิติ ต้องยึดโยงกับประชาชนเป็นหลัก ต้องมองให้เห็นถึงปัญหาในสายตาเดียวกับประชาชน สิ่งสำคัญที่สุด ผมมีหลักของพ่อหลวงที่ท่านทรงมอบไว้ให้นักปกครองว่า “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” เป็นหลักที่ผมจะทำให้พ่อแม่พี่น้องใช้ก้าวเดินต่อไป เข้าใจ การดำเนินงานใดๆต้องรู้เขา รู้เรา รู้ข้อมูล รู้พื้นที่ สภาวะแวดล้อม องค์ประกอบต่างๆเพื่อใช้ในการตัดสินใจ เข้าถึง การมีส่วนร่วมของชุมชนกับการดำเนินงาน และมีการสื่อสารเชื่อมโยงสองทาง พัฒนาต่อไปอย่างยั่งยืน

วันนี้ พรรคพลังประชารัฐ ให้โอกาสตนพิสูจน์ความไว้วางใจจากประชาชน และ ทางพรรคให้ความสำคัญกับพื้นที่ใน จ.พระนครศรีอยุธยา กรุงเก่าของประชาชนชาวไทย

“ตนคือประชาชนในพื้นที่ เขต 3 คนหนึ่ง เติบโตมาในพื้นที่ ได้เห็นอะไรหลายอย่างตั้งแต่เล็กจนโต ตนไม่ได้ลงสนามการเมืองในฐานะนักการเมือง แต่ตนลงสนามในฐานะ ลูก-หลาน ของประชาชนในเขต 3 และเป็นตัวแทนของเขต 3 เพื่อพาประชาชนในพื้นที่ทุกคนเข้าสภาไปแก้ไขปัญหาด้วยกัน”

ข่าวล่าสุด