วันที่ 24 สิงหาคม 2565 ที่สถานีตำรวจ สภ.ชุมตาบง อ.ชุมตาบง จ.นครสวรรค์ พ.ต.ท.สีห์วัฒน์ ไกรวิริยะ รอง ผกก.สืบสวน สภ.ชุมตาบง พร้อมด้วย พ.ต.ท.เสาร์ ชมชาติ สารสัตรสืบสวน และเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนในสังกัด ร่วมกันจับกุมตัวนายนัฐพงษ์ อายุ 28 ปี ชาว ต.ปางสวรรค์ อ.ชุมตาบง จ.นครสวรรค์ ผู้ต้องหาก่อเหตุลักทรัพย์บ้านของ น.ส.เครือวัลย์ โทเพชร ในพื้นที่หมู่ 8 ต.ชุมตาบง ซึ่งถูกลักเอาทรัพย์สินหายไปหลายรายการ

สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าว หลังจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งว่ามีการลักทรัพย์บ้านของ น.ส.เครือวัลย์ เมื่อช่วงเวลา 06.30 น. ของวันที่ 23 สิงหาคม จึงได้ลงพื้นที่แกะรอยเส้นทางการหลบหนีจากกล้องวงจรปิด พร้อมกับลงพื้นที่หาพยานแวดล้อมในละแวกใกล้เคียง ประกอบกับหลักฐานจากกล้องวงจรปิด ซึ่งเผยให้เห็นชุดคนร้ายสวมใส่ และยานพาหนะที่ใช้ก่อเหตุ จนทำให้ทราบว่า ผู้ต้องสงสัยคือ นายนัฐพงษ์ จึงได้นำกำลังไปตรวจสอบยังบ้านพัก ปรากฏว่าพบ น.ส.ชุติมา อายุ 32 ปี กำลังขับขี่รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้าเวฟ สีชมพูขาว ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ที่คนร้ายใช้ก่อเหตุออกจากบ้านพัก จึงได้เรียกตรวจสอบก่อนจะนำหลักฐานภาพกล้องวงจรปิดให้ดู ซึ่ง น.ส.ชุติมา ยืนยันว่า รถจักรยานยนต์คันนี้เป็นของตนเอง แต่ภาพคนที่ขับขี่ในกล้องวงจรปิด คือ นายนัฐพงษ์ สามีที่นำรถไปใช้ พร้อมกับยืนยันว่า วันที่สามีขับขี่รถจักรยานยนต์ไปใช้ก่อเหตุนั้น ตนเองอยู่ภายในบ้านพัก ไม่ได้ออกไปไหน

ทั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจบ้านพัก ปรากฏว่า พบเจอตัวนายนัฐพงษ์ ผู้ต้องหาอยู่ภายในบ้าน จึงได้ควบคุมตัว ก่อนจะทำการตรวจค้น พบว่า มีของกลางที่ถูกลักขโมยมาเป็นจำนวนมาก ทั้งคอมพิวเตอร์ โน๊ตบุ๊ก รวมถึงสายไฟฟ้า และทรัพย์สินอื่นๆ อีกหลายอย่าง อีกทั้ง ยังพบอุปกรณ์ที่นายนัฐพงษ์จำเป็นต้องใช้ทุกครั้งที่ก่อเหตุ คือ เครื่องวัดค่ากระแสไฟฟ้า ส่วนการตรวจปัสสาวะนายนัฐพงษ์ พบว่ามีสีม่วง

จากการสอบปากคำ นายนัฐพงษ์ ให้การรับสารภาพว่า ไม่มีงานทำมาหลายปี จึงได้แอบใช้รถจักรยานยนต์ของภรรยาเที่ยวตระเวนก่อเหตุลักทรัพย์ไปขายหาเงินเลี้ยงตัวเรื่อยมา แต่ก็หมดไปกับยาบ้าที่ตนจะต้องซื้อมาเสพ 2- 5 เม็ดต่อวัน ให้เกิดอารมณ์คึก ขยันหมั่นเพียรในการไปตระเวนก่อเหตุลักทรัพย์ ซึ่งก็จะหาบ้านที่ก่อเหตุในละแวกพื้นที่ อ.ชุมตาบง ส่วนสิ่งของที่หามาได้ ก็จะลักไปทุกอย่างที่เอาไปได้เช่นกัน แต่ส่วนใหญ่ จะลักตัดสายไฟมากกว่า เนื่องจากเมื่อลอกชนวนสายจนเหลือแต่ทองแดง สามารถเอาไปขายได้ง่าย ไม่เหมือนกับทรัพย์สินประเภทอื่น

“ผมยอมรับวันที่ไปก่อเหตุลักทรัพย์บ้าน น.ส.เครือวัลย์ ผมดูดยาบ้าไป 2 เม็ด เลยดีดไปก่อเหตุดังกล่าว แล้วเมื่อได้ทรัพย์สินมา ผมก็นำบางส่วนไปขายได้เงิน จึงรีบไปหาซื้อยาบ้ามาดูดอีกไป 5 เม็ด ราคาเม็ดละ 20 บาท จนเคลิบเคลิ้มแล้วมาถูกตำรวจจับได้คาบ้านพัก ส่วนที่ไม่ออกไปหางานสุจริตทำ เพราะว่าผมป่วย มีโรคประจำตัว ทำงานหนักไม่ค่อยได้ อีกทั้ง ใจมันยังสั่นอยู่เกือบตลอดด้วย ผมจึงต้องหายาบ้ามาเสพเพื่อบรรเทาอาการป่วยที่เป็นอยู่ และก็มีทางให้เลือกเดินประกอบอาชีพ คือ ลักทัพย์” นายนัฐพงษ์ ระบุ

เมื่อถามถึงเครื่องวัดกระแสไฟที่นำมาใช้งาน นายนัฐพงษ์ กล่าวว่า ที่ใช้ เพระส่วนใหญ่จะเลือกลักตัดสายไฟเอาทองแดงตามบ้านมากกว่า ซึ่งก็จะเลือกตามบ้านเรือนที่ไม่มีใครอยู่บ้าน แต่ก็จะนำเครื่องมาวัดกระแสไฟก่อนว่าบ้านหลังนั้น มีกระแสไฟรั่วหรือไม่ เมื่อตรวจว่าไม่รั่ว ก็จะลัรีบกแกะสายไฟเท่าที่เวลา และสถานการณ์ที่ขณะนั้นเอื้ออำนวยเอาออกมา ส่วนเรื่องปลอกเปลือกสายไฟ ไม่ต้องห่วง ฤทธิ์ยาบ้าช่วยตนนั่งปลอกได้ขยันขันแข็ง เมื่อได้ทองแดงที่ปลอกออกมาเรียบร้อยแล้ว ก็จะนำไปขายยังร้านรับซื้อของเก่าตามต่างอำเภอ เพื่อไม่ให้เกิดความสงสัยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ตามเจอและจับกุมได้

ด้าน น.ส.ชุติมา บอกกับผู้สื่อข่าวว่า รู้สามีชอบไปก่อเหตุลักทรัพย์ แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะเคยห้ามแล้ว ก็ถูกข่มขู่ทำร้าย จะเอาถึงชีวิต จึงไม่กล้าเสี่ยง ปล่อยให้กรรมตามทัน จนกระทั่ง ตำรวจตามตัวเจอ และจับกุม

อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบประวัติ พบว่า ผู้ต้องหามีประวัติรักษาผู้ป่วยจิตเวชอยู่ด้วย ซึ่งก็ยังต้องรักษา และกินยาอยู่ตลอด ซึ่งคดีนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหา นายนัฐพงษ์ ฐานลักทรัพย์ในเวลากลางคืน บุกรุกเคหะสถานทำให้เสียทรัพย์ รวมถึงเสพยาเสพติด และขับรถในขณะเสพยาเสพติดชนิดร้ายแรง ก่อนจะควบคุมตัวไปดำเนินคดีตามขั้นตอนต่อไป.
ภาพ-ข่าว : ณัฐพล บัณฑิตพุฒ จ.นครสวรรค์