27 ตุลาคม 2568

ทลายแก๊ง “เจ๊เหมย ขอนแก่น” นายทุนกู้โหด ชอบทำร้ายลูกหนี้ ถ่ายคลิปประจาน

image

จากสถานการณ์ไวรัส COVID 19 ซึ่งส่งผลกระทบชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในวงกว้าง มีผู้ได้รับความเดือดร้อนเป็นจำนวนมาก ประชาชนทั่วไปขาดสภาพคล่องทางการเงิน ผู้ประกอบการร้านค้าขาดแคลนเงินทุนในการดำเนินธุรกิจ จนต้องหันไปพึ่งพาแหล่งเงินทุนนอกระบบ ซึ่งนอกจากจะมีการเรียบเก็บดอกเบี้ยในลักษณะเอารัดเอาเปรียบแล้ว นายทุนหนี้นอกระบบบางรายยังมีพฤติการณ์ทวงถามหนี้ที่โหดร้าย ซึ่งเป็นการซ้ำเติมความเดือดร้อนของประชาชน
ศูนย์ป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปน.ตร.) โดย พล.ต.อ.สุทิน ทรัพย์พ่วง รอง ผบ.ตร. ผู้อำนวยการศูนย์ฯ ได้เปิดช่องทางรับแจ้งเบาะแสจากประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากนายทุนปล่อยเงินกู้นอกระบบ ซึ่งที่ผ่านมาพบว่ามีประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากกรณีดังกล่าว ซึ่งโดยส่วนใหญ่มีการเรียกดอกเบี้ยโหด ส่งคนมาข่มขู่ หากผิดนัดชำระหนี้จะทำร้ายร่ายกายถึงบ้าน และ ถ่ายคลิปประจาน ทำให้ผู้เสียหายอับอายอย่างมาก จึงได้มอบนโยบายให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกสังกัด เร่งกวาดล้างและจับกุมผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบอย่างเข้มงวด พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ได้ให้ความสำคัญต่อความเดือดร้อนของประชาชนในกรณีดังกล่าว จึงสั่งการให้กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ โดย พล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ ผบก.ปอศ. ระดมกวาดล้างจับกุมผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบอย่างจริงจัง เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน

สืบเนื่องจากประมาณเดือน มิถุนายน 2565 ที่ผ่านมามี นางสาวเอ (นามสมมุติ) ได้ร้องเรียนมายัง ศปน.ตร. ว่าได้รับความเดือดร้อนจากนายทุนเงินกู้นอกระบบ ใช้นามว่า “เจ๊เหมย” ซึ่งเป็นนายทุนเงินกู้นอกระบบรายใหญ่ของ จ.ขอนแก่น มีพฤติการณ์ปล่อยดอกเบี้ยโหด ร้อยละ 912.5 เปอร์เซ็นต์ ต่อปี ซึ่งผู้เสียหายไม่สามารถจ่ายดอกเบี้ยให้ได้ เจ๊เหมยกับพวก ได้บุกทำร้ายร่างกายถึงบ้านพัก โดยมีการตบตี แม้ลูกหนี้ได้กราบอ้อนวอนเนื่องจากตนเองกำลังตั้งครรภ์อยู่ แต่เจ๊เหมยก็ไม่ปราณี หนำซ้ำยังถ่ายคลิปประจาน ทำให้ลูกหนี้ได้รับบาดเจ็บ เกิดความหวาดกลัวและอับอายเป็นอย่างมาก ศปน.ตร. โดย บก.ปอศ. ภายใต้การสั่งการของ พล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ ผบก.ปอศ.สั่งการให้ พ.ต.อ.ภาดล จันทร์ดอน ผกก.๕ บก.ปอศ  ดำเนินการสืบสวนและจับกุมผู้เกี่ยวข้องมาดำเนินคดีให้ถึงที่สุด

จากการสืบสวนโดยการลงพื้นที่หาข่าว,การสืบสวนเส้นทางการเงินและ สื่อสังคมออนไลน์ ทำให้ทราบว่า “เจ๊เหมย” คือ น.ส.ณัฏฐนิช สงวนนามสกุล และ นายฤกษ์ชัย สงวนนามสกุล ซึ่งเป็นสามีของ “เจ๊เหมย” มีพฤติการณ์ร่วมกันปล่อยเงินกู้นอกระบบในพื้นที่ จว.ขอนแก่น และเปิดเพจเฟสบุ๊คชื่อว่า“แชร์บ้านเหมย” ซึ่งมีการลงคลิปชักชวนให้มากู้เงิน โดยนอกจากการปล่อยเงินกู้ตามปกติแล้ว ยังมีการปล่อยเงินกู้ในลักษณะอำพราง ไม่ว่าจะเป็นการผ่อนทอง หรือ ผ่อนสินค้าแบรนด์เนมยี่ห้อต่างๆ และยังพบว่ามีการลงคลิปประจานลูกหนี้ที่ค้างชำระโดยมีการลงคลิปทำร้ายร่างกายลูกหนี้จำนวนหลายคลิป ในเพจเฟซบุ๊กของตนเพื่อเป็นการประจานและข่มขู่ลูกหนี้รายอื่นไม่ให้เอาเยี่ยงอย่าง โดยนอกจาก“เจ๊เหมย” แล้ว ยังมีผู้ร่วมขบวนการอีกหลายราย เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขอหมายจับ เจ๊เหมย หรือ น.ส.ณัฏฐนิชฯ ซึ่งเป็นนายทุนหลัก และ นายฤกษ์ชัยฯ สามีของเจ๊เหมย

นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจยังสืบสวนจนทราบสถานที่ที่แหล่งกบดาน ที่เกี่ยวข้องกับ “เจ๊เหมย” ดังนี้ 1) บ้านเลขที่ 14 หมู่ 9 ต.สีชมพู อ.สีชมพู จ.ขอนแก่น 2) บ้านเลขที่ 399,399/1 หมู่ 10 ต.วังเพิ่ม อ.สีชมพู จว.ขอนแก่น ซึ่งเปิดเป็นร้านทอง ชื่อ “ห้างทองเหมย” บังหน้า 3) 414/7 หมู่ 20 ต.บ้านเป็ด อ.เมือง จ.ขอนแก่น ซึ่งเป็นที่ตั้งของ “บจก.สมคิดลิสซิ่ง” โดยใช้เป็นสถานที่ พักอาศัยของลูกน้องที่ทำหน้าที่ทวงหนี้ และใช้เป็นที่ทำบัญชี

ต่อมาเมื่อวันที่ 8 กันยายน 2565 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ปอศ. ประกอบด้วย พ.ต.ท.ธนิต กรปรีชา, พ.ต.ท.ภูวเดช จุลกะเสวี รอง ผกก.5 บก.ปอศ., พ.ต.ท.ประดิษฐ์ สุวรรณดี, พ.ต.ต.จรัส แก้วสง่า, พ.ต.ต.วรวุฒิ คงรักษา, พ.ต.ต.สุทธิพงษ์ จันทพันธ์ สว.กก.5 บก.ปอศ. พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน กก.5 บก.ปอศ เข้าตรวจค้นสถานที่ที่เกี่ยวข้องของ “แก๊งค์เจ๊เหมย”ผลการตรวจค้นสามารถจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาได้จำนวน 2 ราย คือ 1. น.ส.ณัฏฐนิชฯ หรือ เจ๊เหมย ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 1817/65 ลง 31 ส.ค.65 และ 2. นายฤกษ์ชัยฯ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 1818/65 ลง 31 ส.ค.65 ซึ่งทั้งสองคนเป็นนายทุนปล่อยเงินกู้นอกระบบ พร้อมตรวจยึดของกลาง จำนวน 14 รายการ ได้แก่ 1) โทรศัพท์ จำนวน 12 เครื่อง 2) คอมพิวเตอร์ จำนวน 2 เครื่อง 3) IPAD จำนวน 1 เครื่อง 4) สมุดบัญชี จำนวน 9 เล่ม 5) เอกสารเกี่ยวกับเงินกู้ จำนวน 40 ฉบับ 6) รถยนต์หรู จำนวน 2 คัน 7) เงินสด จำนวน 100,000 บาท 8) สัญญากู้ยืมเงิน จำนวน 1 ฉบับ 9) นามบัตรและใบปลิว จำนวน 401 แผ่น 10) สมุดบัญชีรายชื่อลูกหนี้ จำนวน 6 ฉบับ 11) เครื่องนับเงินสดและเครื่องคิดเลข จำนวน 4 เครื่อง 12) แบบฟอร์มเงินกู้ จำนวน 220 เล่ม 13) ทองรูปพรรณ น้ำหนักรวมประมาณ 200 บาท และ 14 ) เอกสารอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง จำนวน 30 รายการ อีกทั้ง ยังพบผู้ร่วมขบวนการอีก จำนวน 2 ราย ซึ่งจะได้ขยายผลและดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

พ.ต.อ.ภาดล จันทร์ดอน ผกก.๕ บก.ปอศ. กล่าวว่า ผู้ต้องหารายนี้มีพฤติการณ์ลักลอบปล่อยเงินกู้นอกระบบ และเรียกดอกเบี้ยอัตราสูง มีพฤติกรรมอำพรางเปิดร้านทองบังหน้า โดยใช้สื่อโซเชียลมีเดียช่องทางต่างๆ เช่น เฟซบุ๊ค, ไลน์ ชักชวนผู้มีปัญหาทางการเงินให้ติดต่อกู้ยืมเงิน ทำให้มีผู้มากู้ยืนเงินเป็นจำนวนมาก สำหรับวิธีการเก็บเงินต้นและดอกเบี้ยจะใช้วิธีการเรียกเก็บดอกเบี้ยรายวัน โดยมีการทำสัญญากู้ยืมเงินโดยคิดดอกเบี้ยประมาณ ร้อยละ 2.5 ต่อวัน หรือ 912.5 ต่อปี ซึ่งเป็นการเอารัดเอาเปรียบสร้างความเดือนร้อนให้กับประชาชน ชุดจับกุมจึงได้จับกุมตัว  พร้อมของกลาง โดยแจ้งข้อกล่าวหา “ประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต และ เรียกดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด” นำส่งพนักงานสอบสวน กก.5 บก.ปอศ. ดำเนินคดีตามกฎหมาย
เตือนภัย  ในท้ายที่สุดนี้ตำรวจสอบสวนกลาง ขอฝากถึงพี่น้องประชาชน อย่าได้ตกเป็นเหยื่อนายทุนหนี้นอกระบบ เพราะนอกจากจะต้องแบกรับภาระดอกเบี้ยที่สูงมากแล้ว ยังอาจโดนข่มขู่คุกคามจนไม่สามารถดำเนินชีวิตอย่างเป็นปกติสุขได้

ซึ่งในปัจจุบันนี้ สถาบันการเงินที่ถูกต้องตามกฎหมายได้เพิ่มช่องทางการเข้าถึงสินเชื่อที่หลากหลาย และสะดวกมากยิ่งขึ้น ดังนั้น หากมีเบาะแสเกี่ยวกับการปล่อยเงินกู้นอกระบบที่เอารัดเอาเปรียบประชาชน สามารถแจ้งเบาะแสมาได้โดยตรงที่  ศูนย์ป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปน.ตร.) สายด่วน ๑๕๙๙ เพื่อนำไปสู่การจับกุมผู้กระทำผิดต่อไป

ข่าวล่าสุด